“ ผมไม่ได้อยากสัมภาษณ์ ผมแค่อยากจะคุย”
เป็นประโยคเปิดฉากที่ผมใช้ในการสำรวจผู้คน เพื่อไม่ให้ใครตื่นตกใจเวลามีสื่อมวลชนเข้าหา จำได้ว่าการทำงานสารคดีชิ้นแรกของผมคือ การต้องเดินเข้าไปพูดคุยกับคนแปลกหน้าสักคน ซึ่งผมก็ยังไม่รู้ว่าจะชวนคุยเรื่องอะไร
ความจริงเราไม่ต้องเตรียมการอะไรมากมาย กับการที่จะเข้าไปคุยกับใครสักคนที่เราสนใจ ยกเว้นผมเองที่ไม่ถนัดกับการเข้าสังคม
ผมชอบคิดแทนคนอื่น ว่าถ้าเป็นเราคงหลบเลี่ยงถ้ามีใครสักคน(ที่ไม่รู้จัก)เข้ามาทักทาย แต่ที่ผมผ่านงานสารคดีมาได้ตลอดรอดฝั่ง มันเกิดจากความพยายามและฝึกฝน
เริ่มหัดคบค้าสมาคมตั้งแต่ตอนทำงานแวดวงสารคดี ผมต้องไม่กลัวในการทำความรู้จักพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นคนที่ติดฝนใต้ป้ายรอรถเมล์ คนที่กำลังรอคิวในโรงพยาบาล คนที่บังเอิญนั่งกินก๋วยเตี๋ยวโต๊ะเดียวกัน ฯลฯ
ชีวิตคือการเรียนรู้
ซึ่งแน่นอนครับ ผมไม่ได้คิดว่าการกระทำอย่างนั้นเป็นเรื่องงานเลย แต่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่ต้องเรียนรู้ ไอ้การมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าเนี่ย มันไม่ได้ยากเลยนะครับ ในขั้นต้นผมก็รู้สึกแปลกๆอยู่บ้าง (ผมมั่นใจว่าเป็นกันทั้งสองฝ่าย) เพราะคนแปลกหน้าที่ผมหมายถึงนี่ คือคนที่ปกติคุณต้องไม่เคยคิดฝันจะไปทำความสนิทสนมด้วยแน่ๆ อาทิเช่น สามล้อที่เป็นเซียนหมากฮอส คนเก็บของเก่าที่ชอบใส่นาฬิกาข้างละหลายเรือน ช่างเย็บผ้าที่แต่งตัวเหมือนอยู่ในงานฮาโลวีน ฯลฯ
การเคารพความคิดเห็นจากผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ
หัวข้อที่ใช้ในการสนทนา ควรจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม ซึ่งเราก็ต้องสังเกตว่าเขาน่าจะพอใจ เพราะฝันร้ายของการทำสารคดีคือการคุยกับฝ่ายตรงข้ามแล้วถามคำตอบคำ หรือประหม่านิ่งเงียบแล้วตอบว่า… ไม่รู้
ยกตัวอย่างเช่น ผมเข้าไปพุดคุยกับคนเก็บของเก่า เก็บขยะไปขาย ผมก็จะไม่คุยเรื่องการเมือง หรือเรื่องที่สลับซับซ้อน แต่ผมจะถามถึงเรื่องในชีวิตประจำวัน วิธีการทำงาน ความเป็นอยู่ของเขา ซึ่งคำตอบที่ได้ก็จะเป็นความจริงที่เขายินดีจะมอบ
ต้องมีศิลปะในการเจรจา
การแต่งตัวและการวางตัวในการทำสารคดีก็เป็นเรื่องสำคัญครับ ต้องไม่ทำตัวให้เป็นจุดเด่น หรือแปลกแยก คนที่เป็นนักสารคดีที่ดีต้องมีความกลมกลืน มีกาลเทศะ เวลาผมจะไปสัมภาษณ์คนเก็บขยะ ผมจะไม่แต่งตัวภูมิฐาน เพราะอาจทำให้เขาเกิดอาการเกร็งหรือประหม่า
การใช้ถ้อยคำน้ำเสียงก็สำคัญ มีผลต่อความรู้สึกโดยตรง ควรมีน้ำเสียงและท่าทางที่กระตือรือร้น ตลอดไปจนถึงการเลือกอุปกรณ์การผลิตสารคดี เช่นกล้องถ่ายรูปหรือกล้องวีดีโอ ไมโครโฟน และขาตั้งกล้อง เอาให้ถนัดแนบเนียน ไม่ควรใหญ่เทอะทะน่ากลัว คุณลองคิดดู จู่ๆมีใครไม่รู้เอากล้องวีดีโออันเบ้อเริ่มมาจ่อตรงหน้า แล้วยิงคำถามใส่เป็นชุด ฝ่ายตรงข้ามไม่ตกใจก็บ้าแล้ว
สารคดีต้องมีความเป็นธรรมชาติ ต้องมีความจริงมากกว่าข่าว
เพราะข่าวมีการนำเสนออย่างเป็นทางการ ในขณะที่สารคดีไม่เป็นทางการ เมื่อตาสีตาสารู้ว่ากำลังจะกลายเป็นบุคคลในข่าว ตาสีตาสาก็จะพยายามควบคุมตัวเอง เพราะโดยปกติผู้คนมักอยากให้ตนดูดีต่อหน้ากล้องเสมอ เนื่องจากมีการถ่ายทอดเหตุการณ์ออกไปสู่สาธารณะ
ผมชอบการถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอทำสารคดีกับชาวบ้านและคนระดับล่างทั่วไป (ระดับเดียวกับผมนั่นแหล่ะ) เพราะพวกเขาเหล่านั้นมีความเป็นธรรมชาติและเป็นกันเองมากกว่าคนในเมือง คนที่มีการศึกษา หรือคนที่ประกอบอาชีพด้วยการตอบคำถาม
สารคดีต้องทำด้วยความตั้งใจและเข้าใจ
คนที่ไม่เข้าใจในเนื้อหาดีพอ จะไม่สามารถจับประเด็น และควบคุมทิศทางของสารคดีได้ จึงมักทำให้สารคดีสะเปะสะปะล้มเหลวได้แต่มองตาปริบๆ
ยกตัวอย่าง เหมือนการสารภาพรักกับใครสักคน พอเจอหน้าเขาปุ๊บ คุณจะยังไม่บอกกับเขาโต้งๆใช่ไหม ว่าคุณคิดยังไง คุณก็จะชวนเขาคุยไปเรื่องอื่น ค่อยๆเผยความรู้สึกในใจ แต่มันก็ยังอยู่ในหัวข้อที่คุณกำลังจะบอกรักเขาใช่ไหม คุณต้องไม่ลืม พอเขาเริ่มจะคล้อยตาม คุณก็ถึงจะค่อยสารภาพ โป๊ะเช๊ะ! เนื้อหาสารคดีเป็นแบบนี้เลย
สารคดีมีหลากหลายประเภท
ทั้งสารคดีเชิงข่าว สารคดีชวนเชื่อ สารคดีความรู้ สารคดีบันเทิง ฯลฯ แล้วแต่ใครจะแยกย่อย สำหรับ ภาพชีวิต บอกได้เต็มปากเลยว่าเป็นสารคดีแนวบันเทิงครับ เพราะผมอยากให้ทุกคนสัมผัสสารคดีด้วยความสนุก ยืนยันว่าชีวิตเป็นเรื่องสนุก ถึงแม้จะมีความทุกข์บ้างก็ตาม เพราะความทุกข์คือสีสันอย่างหนึ่งของชีวิต ซึ่งผมเชื่อว่าเรื่องราวทุกอย่างเป็นความสุขสนุกสนานได้ แม้โดยเนื้อแท้มันจะเศร้าเหลือเกิน
การกำกับงานสารคดี
อย่างที่ผมเคยบอกแล้วว่า งานสารคดีต้องมีการควบคุมและกำหนดทิศทาง ผู้กำกับงานสารคดีที่ดีจะไม่ปล่อยให้ผลงานออกมาตามยถากรรม เพราะมีองค์ประกอบหลายอย่างที่ต้องคำนึงในการนำเสนอ เช่น งบประมาณ ระยะเวลา การผลิต การเผยแพร่ ฯลฯ ผู้กำกับใช้การถ่ายทำและการตัดต่อในการเปลี่ยนอารมณ์ สรรหาดนตรีประกอบ มันคือศิลปะในการนำเสนออย่างหนึ่ง ใครที่บอกว่างานสารคดีไม่มีการกำกับนั้นผิดถนัด ซึ่งการกำกับจะเป็นการบ่งชี้ว่าสารคดีนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
สารคดีบางเรื่องสนุกสุดเหวี่ยง แต่บางเรื่องดูแล้วอยากบรรทม ตรงนี้เป็นความรับผิดชอบของผู้กำกับ ต่อให้เป็นสารคดีเนื้อหาเดียวกัน แต่ถ้าผู้กำกับเลือกถ่ายทอดออกมาไม่เหมือนกัน มันก็จะแตกต่าง และชี้เป็นชี้ตายสารคดีเรื่องนั้นได้เลย.