การทำสารคดีสักเรื่อง ก็ไม่ต่างจากการจับเสี้ยวชีวิตของใครสักคนมานำเสนอ
ผมเป็นนักสารคดีประเภท วันแมนโซ (คือหิวโซ ลำบากอยู่คนเดียว) คิดเองเออเอง ควบคุมและออกแบบงานสารคดีทั้งหมดด้วยตนเอง
ใช่ว่าเก่งกาจ แต่เป็นเพราะสารคดีที่ผมทำมันทุนต่ำ หาคนมาช่วยไม่ได้ อย่างสารคดีบางเรื่องต้องถ่ายทำในที่ไม่โสภา ในแหล่งเสื่อมโทรม ค่ำมืดดึกดื่น ตี๒ ตี๓ มันลำบาก และมันลำบากจริงๆที่จะหาใครมายอมลำบากด้วย
ถ้ามีทีมงานทำสารคดี มันก็ย่อมดีกว่าทำงานคนเดียว เพราะว่าคุณจะเหนื่อยน้อยกว่า และจะได้งานที่มีคุณภาพมากกว่า
แต่จากประสบการณ์การทำสารคดีคนเดียวมาตลอดหลายปี ผมค้นพบว่ายังมีข้อดีมากมาย เช่น ผลงานที่ได้มาจากแก่นแท้ของคุณคนเดียว ถ่ายทอดรูปแบบของคุณคนเดียว มีความคล่องตัวสูงเพราะทำงานคนเดียว และสุดท้ายคุณอาจได้ชื่นชมกับสารคดี…. คนเดียว (ฮา)
เพราะว่าสารคดีเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ถึงแม้ผมจะทำงานสารคดีคนเดียวตามเรื่องตามราวที่บ้านเกิด(โคราช) ทำอย่างอัตคัดขัดสนอย่างไรก็ตาม แต่ผมก็พยายามทำมันออกมาให้เป็น สารคดีที่ดี
นิยามของสารคดีนั้น แม้สารคดีไม่จำเป็นต้องมีสาระ ปรุงแต่งได้ แต่แก่นแท้ของสารคดีต้องมี ความจริง เพราะความจริงเป็นสิ่งที่ดี
สารคดีที่ดีจึงต้องสะท้อนภาพความจริง
การจะทำสารคดีให้ออกมาดีนั้น ขึ้นอยู่กับบุคลิกของคนทำว่าเป็นคนช่างสังเกต ช่างค้นหาคำตอบด้วยตนเองหรือเปล่า
แล้วผมกำลังค้นหาอะไร?
ผมกำลังค้นหาคำตอบของชีวิตครับ
ตัวผมเองสงสัยอยู่เสมอว่า “ คนเราเกิดมาทำไม?”
ผมจึงออกเดินทางค้นหาคำตอบเหล่านั้น ไม่ได้ไกลโพ้นซับซ้อน แต่สำรวจผ่านบุคคลทั่วไปและตนเอง โดยอาศัยงานสารคดีบังหน้า
แค่นี้ก็เป็นสารคดีแล้วครับ!!
ส่วนเรื่องของวิธีการผลิต อุปกรณ์ เทคนิคต่างๆ เป็นแค่ปัจจัยภายนอก เรียนรู้เอาตามประสบการณ์และฐานะ ผมเชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้
คุณอาจจะมีคำถาม?
สารคดีสำคัญที่คำถาม เพราะโลกนี้มีคำถาม จึงมีคำตอบให้ค้นหา และคำตอบที่ได้จากแต่ละบุคคลแต่ละสถานที่ก็ไม่เหมือนกัน เป็นคำตอบที่ไม่มีผิดหรือถูก คำตอบในสารคดีจึงมักเป็นคำตอบปลายเปิด
ผมถนัดกับการตั้งคำถามผู้อื่น แต่ตัวผมเองก็เคยได้รับคำถามเช่นกัน
ในการทำงานสารคดี มักมีคำถามกลับมายังผู้สร้างในลักษณะที่ว่า ได้ให้เงินเป็นค่าตอบแทนแก่ผู้ถูกถ่ายทอดหรือไม่ หรือได้รับเงินจากผู้ถ่ายทอดบ้างไหม
เพราะบางท่านมีความคิดว่าการจะทำสารคดีได้นั้น ต้องมีการใช้สิ่งตอบแทนแลกเปลี่ยน
ขอตอบว่า ผมให้สิ่งตอบแทนในการทำงานสารคดีเพียงอย่างเดียวคือ น้ำใจ
น้ำใจของผมคือ การขอบคุณ ให้เกียรติทุกคนทั้งที่ช่วยเหลือ และไม่ช่วยเหลือผม
เอ็มสปอร์ต ๒ ขวด บุหรี่ ๑ ซอง ค่ารถค่ารา เลี้ยงข้าวเที่ยง,ข้าวเย็น ให้คำแนะนำถามไถ่ ฯลฯ นั่นคือ
น้ำใจ
น้ำใจ แม้ไม่มากนักแต่ก็ดับกระหายได้
ทว่า น้ำใจในการทำสารคดีด้วยการรับฟังผู้อื่นด้วยความตั้งใจและสนใจ คือน้ำใจที่ดีที่สุด
ผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า โดยปกติผมไม่ใช่คนที่มีมนุษยสัมพันธ์สูง อัธยาศัยดี รักและพร้อมจะเข้าไปพูดคุย ทำความเข้าใจกับทุกคนในโลกใบนี้
แต่สันดานเดิมผมเป็นคนค่อนข้างมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ชอบสุงสิงกับใคร ชอบอยู่เงียบๆ ไม่เตร็ดเตร่ไปไหน ถ้ามีเวลาว่างชอบอยู่บ้านนอนอ่านหนังสือคนเดียว
ผมเป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความขี้เกียจ หวาดระแวง เก็บความสงสัยในใจเสมอ
ณ ขณะนี้ผมเองยังสงสัย ทำไมสารคดีถึงทำให้ผมเปลี่ยนไป.